วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

10 อันดับวัดสวยที่สุดในโลก


1 - Tiger's Nest Monastery, Phutan



ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุด ของภูฐาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 700 เมตร
จากพื้นล่างในหุบเขาปาโร และด้วยระดับความสูง 3,120 เมตร
จากระดับน้ำทะเล ฉายาว่า “รังเสือ” ของวัดนี้ ได้มาจากตำนานเก่า
ที่เล่าว่า พระรินโปเช (Padmasambhava - Guru Rinpoche)
ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่นิกายมหายานในภูฐาน ได้เหาะมาที่นี่บนหลังเสือ
และได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ เป็นเวลาถึง 3 เดือน
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2227 จึงเริ่มมีการสร้างวัดขึ้น

2 - Wat Rong Khun in Chiang Rai



วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดย
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัด
ให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540
จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือ
คุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่

3 - Prambanan : Hindu temple, Indonesia



วัดฮินดูพรัมบานัน : Prambanan Temple
พรัมบานันเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียหรือจะเรียกว่า
ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์เลยก็ได้ ตั้งอยู่ที่เมืองพรัมบานัน
ตอนกลางของเกาะชวา และอยู่ไม่ไกลจากยอกยากาตาร์มากนัก
วัดถูกสร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1340 โดยสันนิษฐานว่า
น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ Rakai Pikatan
จากราชวงศ์ Mataram ที่ 2 หรืออาจะสร้างในสมัยกษัตริย์
Balitung Maha Samba จากราชวงศ์ Sanjaya
ได้รับความเสียหายมากในช่วงปี 2006 เพราะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่นี่

4 - The Shwedagon Paya (or Pagoda), Myanmar



พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ
เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุ
พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น
ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อง 2,500 ปีที่แล้ว
แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10
สร้างโดยชาวมอญ ตามตำนานนั้นเริ่มจากว่า มีสองพี่น้อง
พ่อค้า 2 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ามา พระองค์จึง
ประทานพระเกศามา 8 เส้น พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้าง
จนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 รัชสมัยพระเจ้าพินยาอู
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร
พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมมาเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตรในปัจจุบัน
บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด โดยเฉพาะ
ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 72 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด

5 - Temple of Heaven : a Taoist temple in Beijing



หอฟ้าเทียนถานเป็นสถานบวงสรวงเทพยดาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
ซึ่งยังคงรักษาไว้ในจีน ประกอบด้วยตําหนักฉีเหนียนเตี้ยน ตําหนักหวงฉงอี่
และลานหยวนชิว เป็นต้น เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง
มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๗๓ เฮกต้าร์ เป็นสถานซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง
และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา ในระยะย่างเข้าฤดูหนาว
ถึงเดือนอ้ายตามจันทรคติทุกปี พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบ
พระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม


6 - Chion-in Temple : Kyoto, Japan



วัดจิออนอิน (Chion-in temple) พื้นที่ของวัดนั้ใหญ่โตอลังการ
แทรกตัวอยู่ในเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก
วัดนี้สร้างในปี ค.ศ. 1234 เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้ง
ศาสนาพุทธนิกายโจโด เป็นนักบวช ชื่อว่า Honen

7 - Borobudur, Indonesia



บุโรพุทโธ ( Borobudur ) พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์
ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร
ตั้งอยู่บนเนินสูงของเกาะชวาภาคกลาง ห่างจากเมือง
ยอกยากาตาร์ ( Yogyakata ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ประมาณ 40 กิโลเมตร ถือเป็นโบราณสถาานขนาดใหญ่
และเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของชาวอินโดนิเซีย
และชาวพุทธทุกคน ซึ่งหวังจะไปแสวงบุญสักครั้งในชีวิต
เจดีย์บุโรพุทโธรูปทรงดอกบัวนี้ก่อสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา
หรือศิลปะชวาภาคกลางที่ผสมผสาานระหว่างอินเดียและอินโดนีเซีย
ได้อย่างกลมกลืนที่สุด บุโรพุทโธเปรียบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

8 - The Harmandir Sahib : the Golden Temple in Punjab



วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ หรือ วิหารทองคำ เป็นวิหารที่สำคัญที่สุด
ในศาสนาซิก ตั้งอยู่ที่เมืองอัมริตสาร์ เมืองหลวงของ
แคว้นปัญจาบ ทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย

9 - The Temple of Srirangam
( Sri Ranganathaswamy Temple)




วัดนี้อยู่ในประเทศอินเดีย เมือง Tiruchirapalli
หรือ Trichy เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก

10 - Ankor Wat : the largest temple in history



ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) เป็นเทวสถานฮินดูลัทธิไวษณพนิกาย
ที่นับถือพระวิษณุเป็นเทพเจ้าสูงสุด สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
เมื่อช่วงครึ่งแรกคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศถวาย
แด่องค์พระวิษณุที่พระองค์เชื่อว่า เป็นร่างของพระองค์เอง
ในขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และหลังจากสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
ศาสนสถานแห่งนี้ ก็จะเป็นพระราชสุสานที่พระองค์
จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระวิษณุ


 


http://board.palungjit.com/








TAG:

เกย์

ประวัติ เด็กชาวHiphop


ประวัติ Hiphop


 


 


ฮิป ฮอป (Hip Hop) (อาจเขียนเป็น ฮิป-ฮอป (Hip-hop) หรือ ฮิปฮอป (Hiphop) มีความหมายถึงในด้านดนตรีแนวฮิปฮอป ที่เป็นที่นิยมสำหรับวันรุ่นอเมริกาและทั่วโลก จนถูกยกระดับให้เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งมีรากฐานการพัฒนามาจากชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และ ชาวละติน โดยในช่วงยุค 70' หลังจากที่ดนตรีดิสโก้ที่พัฒนามาจาก แนวเพลงฟังค์ ในแบบของโมทาวน์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้มีการเปิดแผ่นเพลงในคลับต่างๆ และด้วยการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เกิดการสร้าง Loops, Beat ใหม่ๆ ขึ้นมา ดนตรีฮิปฮอป จึงถือกำเนิดขึ้น

คำว่า ฮิปฮอป มักถูกยกเครดิตให้กับ Keith Cowboy แร็ปเปอร์วง Grandmaster Flash & The Furious Five ถึงแม้ว่าในยุคนั้นศิลปินอย่าง LoveBug Starski, Keith Cowboy, และ DJ Hollywood จะถูกเรียกในนามของ "Disco Rap" แต่เครดิตก็มักยกให้กับ
Keith Cowboy

ในช่วงยุค 70' เมื่อวัยรุ่นในย่านละแวกใกล้เคียงต้องการจะจัดงานปาร์ตี้ รื่นเริง (Block Party) ดนตรีฮิปฮอปจึงได้รับการแพร่ขยายเป็นที่รู้จัก ซึ่งฮิปฮอปก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ว่าเป็นแนวดนตรีชนิดหนึ่งอีกต่อไป แต่ยังได้รับการยกระดับให้เป็น วัฒนธรรมอย่างหนึ่งด้วย โดย วัฒนธรรมฮิปฮอปจะเกิดขึ้นได้โดยต้องมีปัจจัย 4 อย่าง คือ


กราฟฟิตี (Graffiti) เป็นการเพนท์ พ่น กำแพง ความหมายเพื่อการเชื้อเชิญ แขก หรือสาวๆในละแวกนั้นว่า งานปาร์ตี้เริ่มที่ไหนเมื่อไหร่

ดีเจ (DJ) ซึ่งมาจากคำว่า Disc Jockey ทำหน้าที่เป็นผู้เปิดแผ่นเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานปาร์ตี้

บี-บอย (B-Boy) - เป็นกลุ่มคนที่มาเต้นในช่วงระหว่างที่ DJ กำลังเซ็ทแผ่นเพลง เพื่อเป็นการคั่นเวลา ซึ่งลักษณะการเต้น เราจะเรียกว่า
Break Dance
เอ็มซี (MC) เป็นแร็ปเปอร์ซึ่งหลังจากที่ ดีเจ เซ็ทแผ่นเรียบร้อยแล้ว MC จะทำหน้าที่ดำเนินงาน และงานปาร์ตี้ก็ได้เริ่มขึ้น


กราฟฟิตี หนึ่งในองค์ประกอบของฮิปฮอปตอนต้นยุค 70s เริ่มจากดีเจในสมัยนั้นที่เป็นส่วนในการเล่นดนตรีแนวเบรก-บีท(Break-beat) ซึ่งเป็นที่นิยมในการเต้นรำในสมัยนั้น DJ Kool Herc และ Grandmaster Flash ได้แยกการดีเจออกมาโดยเน้นเพื่อให้เป็นการเต้นรำได้ตลอดทั้งคืน เบรก-บีทนั้นก็พัฒนามาจากเพลงฟังก์ที่มีพวกเครื่องเล่นเพอร์คัชชันเล่นอยู่ด้วย และนี่ก็เป็นการพัฒนาของดีเจ รวมถึงคัตติง (Cutting)ด้วย


การแร็ปนั้น พวก MC ตอนแรกจะพูดเพื่อโปรโมทให้ดีเจในงานปาร์ตี้ต่างๆ แต่เริ่มมีการพัฒนาโดยการใส่เนื้อร้องลงไป โดยเนื้อหาอาจจะเกี่ยวกับชีวิต เรื่องรอบตัว ยาเสพติด เซ็กส์ โดย Melle Mel มักถูกยกเครดิตว่าเป็น MC คนแรก


ปลายยุค 70s ดีเจหลายคนได้ออกแผ่น โดยมีการแร็ปลงจังหวะเพลง เพลงที่ดังๆมีอย่าง "Supperrappin" ของ Grandmaster Flash & The Furious Five ,"The Breaks" ของ Kurtis Blow และ "Rapper's Delight" ของ The Sugar Hill Gang เป็นต้น


จนกระทั่งในปี 1983 ฮิปฮิอปถูกย้ำให้ชัดเจนขึ้นเมื่อ Afrika Bambaataa and the Soulsonic Force ได้ออกแผ่นที่ชื่อว่า "Planet Rock" แทนที่จะเป็นการแร็ปในจังหวะดิสโก้ Bambaataa ได้ใช้เสียงอีเลคโทรนิกแบบใหม่ขึ้นมาแทน โดยเทคโนโลยีซินธิไซเซอร์สมัยนั้น จนกระทั่ง ฮิปฮอปเข้าสู่กระแสหลัก เป็นที่นิยมอย่างมากในยุค 90s ซึ่งในปัจจุบันมีศิลปินแนวฮิปฮอปอยู่จำนวนมากขึ้นได้ว่าถ้าขาดท่อนแร็ปเพลงก็จะไม่มีสีสันเลย .......นำเสนอ โดย EmmonkiezUD เด็ก อุดรฯ สังกัด UDTOWN


 


 


 


Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้





TAG:

เกย์

ท่านั่งอันตราย !!!!!!!!


ซ้ำ หรือ พิมพ์ผิด ขออภัยจ๊า !!


 


 


" นั่งไขว่ห้าง " อันตรายต่อสุขภาพ

          คุณเชื่อหรือไม่ว่า ท่านั่ง " ไขว่ห้าง " ที่คุณนั่งกันเป็นประจำ ส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ  ท่านั่งไขว่ห้าง เป็นท่านั่งที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนิยมนั่งกันมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าการนั่งไขว่ห้างเป็นการเสริมบุคลิกให้ดูเนี๊ยบขึ้น หรือคิดว่าเป็นท่านั่งที่สบายที่สุด แต่คุณทราบมั้ยว่าการนั่งในลักษณะนี้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจส่งผลถึงชีวิตของคุณได้


          จากผลการวิจัยของคณะแพทย์ต่างประเทศ ระบุว่า ท่านั่งไขว่ห้าง เป็นท่านั่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาทั้งสอง จะถูกแรงของขาทั้งสองบีบเอาไว้ให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้หัวใจของเราต้องทำงานหนักมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อที่จะลำเลียงเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายให้ได้อย่างทั่วถึง


          และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเราดูทรุดโทรม เพราะหัวใจต้องทำงานหนักกว่าปกติ จึงทำให้คนที่นั่งไขว่ห้าง อาจจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืดอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่ลุกออกจากที่นั่ง หรือในบางทีอาจมีอาการปวดบวมที่ขาทั้งสอง ขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงท่านั่งที่แสนสบายนี้


:))♥เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของตัวคุณเอง♥:))


Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้





TAG:

เกย์

รู้ไว้ซะ...หัวใจ...ก็เหมือนเด็กดื้อ


รู้ไว้ซะว่าหัวใจ ก็เหมือนเด็กดื้อ


 


 


 


    หลุมรัก... มันก็เหมือนกับดักอย่างหนึ่งที่เมื่อใครเผลอตกลงไปแล้ว ก็ยากจะขึ้นมาได้ หลายคนกว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมรักใครก็ในวันที่สายเกินกว่าที่จะควบคุมตัวเองมาให้รู้สึกอย่างนั้นเสียแล้ว

    เมื่อเราตกหลุมรักใครสักคน สมองของเราจะมีภาพเขา ชื่อเขา และการกระทำของเขาวนเวียนอยู่ในนั้นตลอดเวลา เรื่องเล็กน้อยที่เขาทำให้ อาจกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ระดับชาติ เขาแค่ยิ้มให้แวบเดียว เราก็ยิ้มหน้าบานได้ทั้งวัน เขาซื้อขนมห้าบาทให้ เรากลับรู้สึกเหมือนขนมนั้นราคาห้าร้อย เขาแค่ช่วยถือของให้เรา เราเอาไปเป็นเรื่องประทับใจไม่รู้ลืม


    การตกหลุมรักจึงเปรียบเสมือนสีสันอย่างหนึ่งที่ทำให้ชีวิตไม่เรียบง่ายจนน่าเบื่อ หลายคนชอบอารมณ์เวลาตกหลุมรัก เพราะมันทำให้เรารู้สึกมีพลัง และมีความสุขได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ปัญหาก็คือ เราไม่สามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้ว่า เราจะตกหลุมรักใครดีหน่ะสิ!!!


    บางคนตกหลุมรักคนที่ดีก็ดีไป แต่บางคนตกหลุมรักคนที่ไม่เวิร์กเอาซะเลย เช่นดันไปรักคนที่มีแฟนแล้ว รักคนเจ้าชู้ รักเด็กแวนต์ที่ใช้ชีวิตเสี่ยงตาย หรือแม้แต่รักคนที่เราไม่รู้ว่าเขาจะพอใจในความรักที่เราให้เขาหรือไม่ เมื่อมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจเกิดความอึดอัดใจว่า จะเอายังไงกับหัวใจตัวเองดีนะ ... ในเมื่อเรารู้ว่าความรักที่เราให้เขาไป จะได้รอยยิ้มหรือน้ำตาตอบแทน แล้วเราควรจะห้ามหรือปล่อยดี เมื่อตอนนี้มันกำลังตกหลุมรักใครบางคนเข้าแล้ว?


    ถ้าถามฉัน...ฉันก็คงจะตอบแบบฟันธงในฉับเดียวเลยว่า จะไปห้ามมันทำไม...มันห้ามไม่ได้หรอก เพราะ หัวใจของเราเหมือนเด็กดื้อ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งสอนด้วยเหตุผล ยิ่งเอาอารมณ์เข้าสู้ วิธีเดียวที่จะจัดการกับเด็กดื้อได้อย่างเด็ดขาดก็คือ ต้องปล่อยให้เด็กคนนั้นเรียนรู้ด้วยตัวเอง มีความสุขด้วยตัวเอง และเจ็บด้วยตัวเอง


    ประสบการณ์ทำให้คนเราเติบโตขึ้น การปล่อยหัวใจให้ได้เรียนรู้ที่จะรักใคร ก็สามารถทำให้หัวใจของเราโตขึ้นได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปห้ามหัวใจไม่ให้รักใครหรอก เพราะมันห้ามไม่ได้แน่ๆ แต่สิ่งทีเราต้องทำ คือ ดูแลหัวใจให้เข้มแข็งกับผลของความรักครั้งนี้


ถ้ามันเจ็บกลับมา ให้ปลอบโยนและอย่าสมน้ำหน้า


ถ้ามันรู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นผิดให้เตือนว่าอย่าผิดซ้ำ แต่ไม่ต้องตอกย้ำให้มันช้ำยิ่งกว่าเดิม


    หัวใจควรได้เรียนรู้ที่จะมีความรัก เพราะมันจะทำให้เราอ่อนโยนมากขึ้น แต่เราต้องอย่าลืมใช้สติควบคุมเจ้าตัวความหลง (ที่ชอบเนียนมากับความรัก) ไม่ให้ออกฤทธิ์มากเกินไป เพราะความรักเป็นสิ่งสวยงาม ทำให้เรามีความสุข แต่ความหลงหรือความอยากได้ ทำให้เราเป็นทุกข์เมื่อยังไม่ได้เขามา


    เราอาจห้ามใจไม่ได้ถ้ามันจะมีความรักบริสุทธิ์กับใครสักคน แต่เราสามารถควบคุมตัวเองให้ทำเรื่องแย่ๆ เพราะความหลงได้ เช่น เราอาจห้ามใจไม่ให้รักคนมีแฟนแล้วไม่ได้ แต่เราห้ามตัวเองไม่ให้ไปแย่งเขามาจากคนอื่นได้ เราอาจห้ามใจตัวเองไม่ให้รักคนเจ้าชู้ไม่ได้ แต่เราก็สามารถคุมตัวเองไม่ให้ต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าในชีวิตเพราะความหลงไหลอยากได้หัวใจเขามาครองด้วย และมันอยู่ที่ว่า เราจะใช้สติกับความรักครั้งนี้ขนาดไหน


    "อย่ากลัวไปเลยค่ะ กับการปล่อยหัวใจให้รักใครสักคน แค่เพียงเรารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่ และไม่ปล่อยให้ความหลงมาทำให้ชีวิตแย่ลง ความรักของเรานั้นก็จะเป็นสิ่งที่ดีเสมอ แม้ว่าคนที่เรารักนั้น จะเป็นอีตาอ้วน ตาตี่ ขี้เกียจ และไม่ได้เรื่องแค่ไหนก็ตาม"


 


 


ปล. ไม่รู้ว่าจะเคยอ่านกันหรือยังนะค่ะเเต่ลองเอามาโพสดู อ่านเเล้วรู้สึกดีมากเลย




Code นำรูปนี้ไปใช้





TAG:

เกย์

โทษของการหนีออกจากบ้าน



Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

หมาน้อยเศร้า หัวติดกำแพง หลังพยายามหนีออกจากบ้าน


จ้า หมาน้อย "นิกิต้า" พันธุ์ผสมร็อตไวเลอร์ อายุสิบแปดเดือน ดูมีท่าทีตื่นตระหนกอย่างมาก หลังจากที่ศีรษะของมันติดอยูกับกำแพง หลังจากที่มันพยายามหนีออกจากบ้านพักของ นายมอนต์โกเมอรี่ วานเดอร่า เจ้านายของมัน ที่ออกจากที่พักไปสองวันแล้ว โดยที่ไม่ทิ้งอาหารและน้ำไว้ให้มันเลย โดยเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ทำการแจ้ง สมาคมพิทักษ์การทารุณกรรมสัตว์ เพื่อให้มาทำการช่วยเหลือมัน หลังจากการตรวจสอบพบว่าโพรงที่มันติดนั้น เจาะไว้สำหรับเป็นช่องเพื่อต่อท่อน้ำออกจากเครื่องปั ่นผ้า โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 6 นิ้วเท่านั้น

โดยนายวานเดอร่า ถูกทางการเมืองลูตัน ประเทศอังกฤษ สั่งห้ามให้เลี้ยงสัตว์ทุกประเภทเป็นเวลาห้าปี และต้องทำกิจกรรมบริการสาธารณะ ในข้อหาปล่อยปละละเลยสัตว์เลี้ยง


 


 






TAG:

เกย์

เมื่อบอลโลกจบลง~!!


เมื่อบอลโลกจบลง.....


 


พร้อมกับชัยชนะและรอยยิ้มของใครบางคน...


 


แต่มันก็เป็นเวลาพินาศจบสิ้นของใครอีกหลายคน...


 


เราจะมีลูกหนีนอกระบบคนใหม่...


เราจะมีหญิงบริการหน้าใหม่...


เราจะมีอาชญากรคนใหม่...


เราจะมีคนเดินยาคนใหม่...


 


แต่มีคนที่เสียใจคนเดิม...คือ พ่อ และ แม่


Code นำรูปนี้ไปใช้





TAG:

เกย์

ท่านั่งอันตราย !!!!!!!!


ซ้ำ หรือ พิมพ์ผิด ขออภัยจ๊า !!


 


 


" นั่งไขว่ห้าง " อันตรายต่อสุขภาพ

          คุณเชื่อหรือไม่ว่า ท่านั่ง " ไขว่ห้าง " ที่คุณนั่งกันเป็นประจำ ส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ  ท่านั่งไขว่ห้าง เป็นท่านั่งที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนิยมนั่งกันมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าการนั่งไขว่ห้างเป็นการเสริมบุคลิกให้ดูเนี๊ยบขึ้น หรือคิดว่าเป็นท่านั่งที่สบายที่สุด แต่คุณทราบมั้ยว่าการนั่งในลักษณะนี้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจส่งผลถึงชีวิตของคุณได้


          จากผลการวิจัยของคณะแพทย์ต่างประเทศ ระบุว่า ท่านั่งไขว่ห้าง เป็นท่านั่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาทั้งสอง จะถูกแรงของขาทั้งสองบีบเอาไว้ให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้หัวใจของเราต้องทำงานหนักมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อที่จะลำเลียงเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายให้ได้อย่างทั่วถึง


          และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเราดูทรุดโทรม เพราะหัวใจต้องทำงานหนักกว่าปกติ จึงทำให้คนที่นั่งไขว่ห้าง อาจจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืดอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่ลุกออกจากที่นั่ง หรือในบางทีอาจมีอาการปวดบวมที่ขาทั้งสอง ขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงท่านั่งที่แสนสบายนี้


:))♥เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของตัวคุณเอง♥:))


Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้

Code นำรูปนี้ไปใช้





TAG:

เกย์