วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็มีประวัติกะเค้าเหมือนกัน


                           

คงไม่มีใครที่ไม่
รู้จักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป



         ความง่าย อร่อย และราคาถูก ทำให้
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด จนอาจจะพูดได้ว่า
"ทุกวันนี้อาหารที่คนทั่วโลก
รับประทานมากที่สุดคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
"
ก็คงไม่ผิดจากความเป็นจริงเท่าไหร่


บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีต้น กำเนิดมาจาก ประเทศญี่ปุ่น โดยนาย อันโด โมโมฟุกุ
ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท นิชชิน


วัน ที่ 25
สิงหาคน ปี 1958 ซึ่งเป็นช่วงหลังสงคราม โลกครั้งที่ 2
ญี่ปุ่นประสบกับปัญหาข้ามยากหมากแพง
ทำให้ชาวญี่ปุ่นต้องทานแต่อาหารที่ราคาถูกและสะดวกในการทำหรือหาทาน ซึ่งก็คือ
ราเมน


วันหนึ่ง ของฤดูหนาวในโอซาก้า นาย อันโด ได้เห็นสภาพของชาวญี่ปุ่นที่ยืนเข้าแถวยาวเหยียด
เพียงเพื่อรอ ทานราเมนแค่
1 ชาม เพื่อเป็นอาหารคลายหนาว ทำให้นาย อันโด
ได้พยายามคิดค้น ราเมนที่ สามารถทำทานเองที่บ้าน เก็บไว้ได้นาน
และราคาถูก ขึ้นมา จนในที่สุดก็ได้
"ชิ กิ้นราเมน"
ขึ้นมา


บะหมี่กึ่งสำเร็จ รูปในตอนแรก
ทำโดยนำเส้นราเมนที่ได้จากผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่(โทริคะระ) ทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อไล่ความชื้นออกไป
ทำให้เก็บไว้ได้นานและแค่เพียงเติมน้ำร้อน
เส้นก็จะคืนสภาพเดิมสามารถกินได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย
เพราะว่าเส้นผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่แล้ว (ในตอนแรก ชิกิ้นราเมนมีราคาอยู่ที่
35
เยน)

ใน ปัจุบัน ชิกิ้นราเมน
ก็ยังเป็นรสที่ขายดี ที่ยังคงความอร่อยมาอยู่ถึงทุกวันนี้


                                           

ต่อ มา นาย อันโด ก็ได้ ก่อตั้งบริษัทนิชชินขึ้นมา
และได้พัฒนาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติและรูปแบบอื่นๆขึ้นมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

"คัพเมน"
ที่ได้แนวคิดมาจากการทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนอเมริกา
(ใน
ตอนแรกนั้นภาชนะที่ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเป็น ชาม แต่เพียงอย่างเดียว)


สำหรับ
คัพเมน(หรือคัพนู้ดเด้ล)นั้นยังมีเกร็ดที่มาของความนิยมอยู่ คือในตอนแรกนั้น
ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การลักพาตัวประกันโดยกลุ่มต่อต้านจักรวดิญี่ปุ่น
ที่จังหวัดนากาโน่


ในเวลานั้นได้มีการถ่ายทอดสดตลอด เวลา ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง
10 วัน อีกทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์โทรทัศน์
ญี่ปุ่น(
90%) และนอกจากภาพเหตุการณ์การลักพาตัวประกันแล้ว ยังมีภาพของคนที่กำลังทาน
คัพนู้ดเด้ลในสถานที่เกิดเหตุด้วย (ปกติคนญี่ปุ่นจะทานข้างกล่องหรือ เบ็นโตะ
แต่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้น เป็นช่วงอากาศหนาวเย็น ทำให้ข้าวกล่องแข็งจนทานไม่ได้)



คนญี่ปุ่นจึงได้รู้จัก คัพนู้ดเดิ้ล ในวงกว้าง
และเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลกจนเป็นอาหารที่คนทานมากที่สุดในโลก


(ถ้าจะย้อนประวัติของ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คงต้องย้อนไปถึง "โล เมียง" ซึ่งเป็นภาษาจีน ที่แปลว่า
"บะหมี่ที่ต้มแล้ว"
บะหมี่แบบจีนเป็นอาหารที่นิยมอย่างมากในเมืองซับโปโร
และพื้นที่อื่นของประเทศญี่ปุ่น)






Image

 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น